1. อันโตนิโอ รือดิเกอร์
บางทีเขาอาจเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการเปลี่ยนโค้ช อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กับ เชลซี เกือบจะไม่ได้ไปต่อด้วยกันแล้วหลังเขาพบว่าตัวเองต้องตกลงไปเป็นตัวเลือกในลำดับที่ 5 ของ แลมพาร์ด ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค
แข้งทีมชาติ เยอรมัน ถูกโยงกับการย้ายไปยัง ท็อตแนม และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ที่ปัจจุบันโค้ชของพวกเขามาทำงานที่นี่แล้ว)
2. อันเดรียส คริสเตนเซน
อันเดรียส คริสเตนเซน ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อหาโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอในช่วง 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เขาได้กลายเป็นแกนหลักในแนวรับของทีมในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังที่ ธิอาโก ซิลวา ได้รับบาดเจ็บ
การประจำการอยู่ในแผนการที่มีกองหลัง 3 คน ช่วยให้จุดอ่อนในเกมรับของเขาไม่ค่อยถูกแสดงออกมาให้เห็นและจุดเด่นด้านการจ่ายบอลจากแนวหลังหรือการครองบอลก็ถูกดันออกมาให้เห็นเด่นชัดมากขึ้น
3. เอ็นโกโล ก็องเต้
ก็องเต้ เป็นกองกลางตัวรับที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งใน พรีเมียร์ลีก อย่างไม่ต้องสงสัยและเขาแทบจะไม่มีช่วงเวลาที่ฟอร์มตกเลยนับตั้งแต่ถูกดึงมาโดย เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อหลายฤดูกาลก่อน
การมี ก็องเต้ ยืนประจำการอยู่หน้าแผงกองหลังช่วยให้มิดฟิลด์คนอื่นๆไม่คอยต้องพะวงเรื่องเกมรับจนต้องหลุดจากตำแหน่งเพื่อไปช่วยแย่งบอล
4. มาร์กอส อลอนโซ
นี่ก็เป็นอีกรายที่เกือบหมดอนาคตหลังจากที่ แลมพาร์ด ตัดสินใจของบ 50 ล้านปอนด์เพื่อนำ เบน ชิลล์เวลล์ เข้ามาสู่ทีม
การกลับมาแจ้งเกิดของ อลอนโซ ได้พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นเรื่องสำคัญแค่ไหนกับการต้องใช้งานผู้เล่นให้ถูกวิธี เพราะแข้งวัย 30 ปีเป็นกองหลังที่มีสไตล์การที่เหมาะสมกับตำแหน่งวิงแบ็คมากเป็นพิเศษ
5. เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า
อัซปิลิกวยต้า ได้กลับมาเป็น 11 ตัวจริงของทีมอีกครั้งในฐานะเซ็นเตอร์แบ็คคนที่ 3 หลังจากการเปลี่ยนแปลงระบบการเล่น
บทบาทนี้ช่วยทำให้ผู้เล่นชาว สเปน คอนโทรลพื้นที่ฝั่งขวาของตัวเองได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องพะวงเรื่องเกมรุกเลย