1.มาร์กซิยาลสานต่อฟอร์ม
หลายคนพูดถึงประเด็นเรื่องการเป็นกองหน้าตัวเป้าให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่ง มาร์กซิยาล ยังมีคุณสมบัติไม่ดีพอโดยเฉพาะเรื่องการหาตำแหน่งบวกกับคุณภาพในการจบสกอร์ บางครั้งมีโอกาสทองแต่เขาเปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้จนทำให้ทีมพ่ายแพ้ก็เคยมีมาแล้ว นั่นทำให้แฟนบอลเรียกร้องให้ เอดินสัน คาวานี่ หัวหอกวัยเก๋าที่ย้ายเข้ามาอยู่กับทีมในฤดูกาลนี้ยึดตำแหน่งตัวจริงแทน
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ มาร์กซิยาล กลับมาจากอาการบาดเจ็บที่ทำให้เขาพลาดเกมพ่าย ไลป์ซิก เมื่อต้นเดือนธันวาคม ผลงานของเขาก็กระเตื้องขึ้นอย่างชัดเจนโดยมีส่วนร่วมกับประตูที่ยิงได้ถึง 6 ลูกในทุกรายการ (4 แอสซิสต์กับอีก 2 ประตู) แม้เรื่องการจบสกอร์จะยังโดนตำหนิอยู่บ้างแต่อย่างน้อย
2.สองทีมฟอร์มร้อนแรง
ช่วงระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายนจนถึง 3 ธันวาคม พวกเขาฟอร์มตกอย่างหนักหลังแพ้ 3 จาก 4 เกมในทุกรายการ อย่างไรก็ตามอดีตแชมป์พรีเมยีร์ลีกพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ 4 จาก 5 เกมหลังสุดในทุกรายการ โดยเฉพาะการบุกคว้าสามแต้มสำคัญเหนือคู่แข่งหัวตารางอย่าง สเปอร์ส 2-1 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทางฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ผลงานในลีกอาจจะกระท่อนกระแท่นมาตลอดแถมในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังตกรอบแบ่งกลุ่มจนร้อนถึงเก้าอี้กุนซือโซลชาหลายครั้ง ทว่านายใหญ่ “ปีศาจแดง” พยายามเข็นทีมจนเอาตัวรอดมาได้ และเมื่อเรามามองดูผลงานช่วงหลังนับตั้งแต่พ่าย อาร์เซน่อล เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน “ผีแดง” ก็ยังไม่แพ้ใครในลีกมา 7 นัดติดต่อกันแถมกวาดชัยเรียบถึง 6 นัดอีกต่างหาก (เสมอ แมนฯ ซิตี้ นัดเดียว) พร้อมกระซวกคู่แข่งถึง 19 ประตูอีกต่างหาก
3.บ๊อกซิ่งเดย์ผียิ้ม
แมนฯ ยูไนเต็ด ค่อนข้างถูกโฉลกเหลือเกินกับการลงเล่นในวันบ็อกซิ่งเดย์เนื่องจากพวกเขาพกสุดยอดสถิติเป็นทีมพรีเมียร์ลีกที่ชนะมากที่สุกในวันดังกล่าว (21 ครั้ง) คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะถึง 81% โดย “ผีแดง” พ่ายแพ้ในวันที่ 26 ธันวาคมเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้นได้แก่ เกมแพ้ มิดเดิ้ลสโบรช์ ในปี 2002 (1-3) และเกมแพ้ สโต๊ค ซิตี้ ในปี 2015 (0-2)
ในทางตรงกันข้ามนับตั้งแต่ เลสเตอร์ ซิตี้ รีเทิรน์กลับมาสู่งลีกสูงสุดในปี 2014 พวกเขาปราชัยถึง 5 จาก 6 ครั้งที่ลงเล่นในวันบ็อกซิ่งเดย์ เกมเดียวที่พวกเขาไม่แพ้คือเกมทุบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ในปี 2018
4.จิ้งจอกสถิติไม่สู้ดี
ขณะเดียวกัน “ปีศาจแดง” พ่ายแพ้ในพรีเมียร์ลีกต่อ เลสเตอร์ ซิตี้ แค่ครั้งเดียวจาก 22 ครั้งหลังสุดที่เจอกัน (ชนะ 17 เสมอ 4) แถมทั้ง 22 ครั้งที่ผ่านมา “ผีแดง” ยิงประตูได้ตลอดทุกนัดด้วย สรุปแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ไร้พ่ายมาตลอด 11 ครั้งหลังสุดซึ่งครั้งสุดท้ายที่แพ้ต้องย้อนกลับไปในเดือนกันยายนปี 2014 ที่ “จิ้งจอกสยาม” เปิดบ้านเอาชนะ 5-3
5.บทพิสูน์ลุ้นแชมป์?
หลังจาก แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านยำใหญ่ใส่ ลีดส์ ยูไนเต็ด 6-2 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลายคนพูดถึงโอกาสลุ้นแชมป์ของ “ปีศาจแดง” เนื่องจากพวกเขาตามจ่าฝูงลิเวอร์พูลอยู่ 5 คะแนนแต่แข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด นั่นหมายความว่าหาก โซลชา พาทีมคว้าชัยในนัดตกค้างได้สำเร็จจะทำให้แต้มห่างจ่าฝูงเพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น
บรรดากูรูทั้งหลายออกมาพูดถึงความเห็นเรื่องนี้เช่น รอย คีน ตำนานแมนฯยูไนเต็ด เชื่อว่าอดีตทีมรักของเขามีดีพอที่จะก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ ขณะที่ แกรี่ เนวิลล์ อีกหนึ่งตำนานกลับเห็นต่างโดยมองว่า ทีมปีศาจแดง คงยากที่จะพูดถึงแชมป์ในซีซั่นนี้ ด่าน มาร์ค บอสนิช อดีตนายด่าน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แสดงความเห็นว่าทีมควรเน้นการติดท็อปโฟร์ก่อนเป็นอันดับแรก