1.ครึ่งแรกลิเวอร์พูลมา-ครึ่งหลังมิดทิลแลนด์แรง
รูปเกมครึ่งแรกนั้นเป็นผู้มาเยือนอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่เดินหน้าเปิดเกมรุกใส่เจ้าถิ่นตั้งแต่ต้นเกม และมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ 55 วินาทีแรก จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตัดบอลได้จากการจ่ายบอลพลาดของผู้เล่นมิดทิลแลนด์ ก่อนจะพาบอลลากไปยิงตุงตาข่าย จากนั้น ซาลาห์ ได้ซัดอีกครั้งแต่โดนเซฟและเป็นจังหวะล้ำหน้าด้วย แค่นั้นยังไม่พอ จังหวะต่อมาเป็น ทาคูมิ มินามิโนะ ได้เปิดบอลจากฝั่งขวาไปหน้าประตูให้ ดิโอโก โชตา
โฉบมาซัดก็โดนปัดทิ้งไปได้อีก ก่อนที่ มิดทิลแลนด์จะได้ลุ้นบ้างจากลูกโหม่งของ กาบา แต่ ฟาบินโญ สกัดทิ้งจากเส้นไปได้ และช่วงท้ายครึ่งแรก โชตา ได้กดด้วยซ้ายเน้นๆ ในเขตโทษ แต่ยังติดเซฟอีก หงส์แดงเหนือกว่าค่อนข้างเยอะจริงๆในช่วงครึ่งแรก จากนั้นครึ่งหลัง มิดทิลแลนด์ แก้เกมมาดี บุกเข้าใส่หงส์แดงแบบไม่ให้หายใจหายคอ กระทั่งนาทีที่ 62 มิดทิลแลนด์มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ เดรเยอร์ โดน ควีวิน เคลเลเฮอร์ ทำฟาวล์ และเป็น โชลซ์ สังหารเข้าไปให้เจ้าถิ่นตีเสมอ 1-1
2.โดน วีเออาร์ เล่นงานไปทีมละ 1 ครั้ง
เกมนี้ มิดทิลแลนด์ ชวดได้ประตูเพิ่ม ในนาทีที่ 76 จากจังหวะที่ โชลซ์ ได้ซัดแสกหน้า เคลเลเฮร์ เข้าไป และมีการเช้กวีอาร์อยู่นานเลยทีเดียว ก่อนสุดท้ายจะไม่ให้ประตูกับ มิดทิลแลนด์ ส่วนลิเวอร์พูลก็ชวดได้ประตูเพราะวีเออาร์เหมือนกัน ในนาทีที่ 90+2 จากจังหวะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ ซาดิโอ มาเน โหม่งมาเข้าทาง ทาคูมิ มินามิโนะ ซัดจ่อๆ เข้าไป
3.ดาวรุ่งกับตัวสำรองหงส์แดงได้รับโอกาส
เกมนี้ เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล เลือกจัดทีมแบบผสม นักเตะดาวรุ่งอย่าง รีส วิลเลียมส์ ได้ลงมายืนเซ็นเตอร์คู่กับรุ่นใหญ่อย่าง ฟาบินโญ ขณะที่แบ็กซ้าย คอสตาส ซิมิกาส ได้ลงเป็นตัวจริง และที่น่าสนใจคือ เลห์ตัน คลาร์กสัน เจ้าหนูวัย 19 ปี ก็ได้รับประสบการณ์อันสุดยอด ลงทำเกมแดนกลาง ร่วมกับ นาบี เกอิตาและทาคูมิ มินามิโนะ ปิดท้ายที่ 3 ประสานแนวรุกเลือกใช้ตัวหลักอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ผนึกกำลังกับ ดิโอโก โชตา และ ดิวอค โอริกี
4. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กด 2 สถิติโหด
ประตูที่ ซาลาห์ ทำได้ในเกมนี้ ทำให้เขาสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นนักเตะที่ยิงประตูในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ให้ลิเวอร์พูลมากที่สุด ที่จำนวน 22 ประตู แซงหน้าสถิติของ สตีเวน เจอร์ราร์ด ทำเอาไว้ 21 ประตูเป็นที่เรียบร้อย ส่วนอีกสถิติคือประตูที่ซาลาห์ทำได้ในเกมนี้นั้นเกิดขึ้นในวินาทีที่ 55 ของเกมเท่านั้น กลายเป็นประตูที่เร็วสุดของ ลิเวอร์พูล ในศึกแชมเปียนส์ ลีก อีกด้วย