1. เป๊ป กวาร์ดิโอลา vs โอเล กุนนาร์ โซลชาร์
ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งคู่มีโอกาสโคจรมาพบกันทั้งหมด 4 นัดเลยทีเดียว แบ่งออกเป็นเกมพรีเมียร์ลีก 2 นัด และอีก 2 นัดในศึกฟุตบอลถ้วยใบเล็กของอังกฤษอย่าง คาราบาว คัพ ที่ยังใช้การแข่งขันแบบเหย้า-เยือน ซึ่งต่างจากปีนี้ที่เล่นแบบนัดเดียวรู้ผล ซึ่งปรากฏว่า ยอดทีมสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกว่าเมื่อเอาชนะไปได้ถึง 3 ใน 4 นัดที่พบกับ ซึ่งในเกมลีกบุกไปเอาชนะมาได้ 2-1 ส่วนเกมในบ้านเอาชนะไปได้ 2-0 ขณะที่ในฟุตบอลถ้วยนัดแรกเปิดบ้านพ่าย 1-3 ก่อนที่นัดสองจะบุกเอาชนะไปได้ 1-0 ซึ่งเกมล่าสุดในค่ำคืนนี้คือการพบกันในนัดที่ 2 ในฤดูกาล หลังนัดแรกในเกมลีกเสมอกันไปที่ 0-0
2. โอกาสแก้มือของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์
ต่อเนื่องมาจากข้อที่แล้วจากการพ่ายแพ้ในรายการนี้อย่าง คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อปีก่อนจาก “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นทำให้ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ต้องทำทีมตกรอบฟุตบอลถ้วย 3 รายการต่อจาก ยูโรปาลีก ที่แพ้ เซบีญา และ เอฟเอ คัพ ที่พลาดท่าปราชัยให้กับ เชลซี นี่คือเกมที่ตัวเขาจะเน้นเป็นพิเศษอย่างแน่นอนเพื่อหวังล้างตาให้สำเร็จและที่สำคัญตัวเขาก็ยังหวังที่จะคว้าแชมป์รายการนี้มาครองให้ได้ ซึ่งสะท้อนจากบทสัมภาษณ์ล่าสุดที่บ่งบอกว่าอยากได้โทรฟี่แรกกับทีม
3. ฟอร์มของทั้งสองทีมกำลังร้อนแรง
ก่อนหน้านี้ทั้งสองทีมถือว่าทำผลงานไม่ได้น่าประทับใจนักจะบอกว่าฟอร์มน่าผิดหวังก็ว่า อย่างทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผลในลีกช่วงหนึ่งผลงานตกต่ำดำดิ่งแถมยังตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อีก นั่นทำให้ โซลชาร์ เจอกับความกดดันอย่างหนักจากทั้งสื่อและแฟนบอลที่ตั้งคำถามถึงอนาคตการคุมทีมของเขา แต่จุดเริ่มต้นที่เลวร้ายนั้นกลับกลายเป็นเรื่องดีในเวลาต่อมาเมื่อทีมกลับมาทำผลงานได้อย่างร้อนแรงในลีกด้วยการโกยแต้มอย่างต่อเนื่องจนทำคะแนนขึ้นมาเท่ากับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงที่ 33 คะแนน แต่พวกเขามีโอกาสขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงแทนเนื่องจากลงเล่นน้อยกว่า 1 นัด ส่วนทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา มีปัญหาในเรื่องของการรักษามาตรฐานในการเก็บผลการแข่งขัน เนื่องจากแผงเกมรุกของทีมนัดกันฟอร์มฝืดแถมมีนักเตะติดโควิด-19 หลายราย ทว่าตอนนี้ทีมของเขากลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นแล้ว
4. แข่งแบบนัดเดียวรู้ผล
ที่ผ่านมารอบตัดเชือด หรือ รอบรองชนะเลิศ จะแข่ง 2 นัด แบบเหย้า-เยือน แต่ทว่าด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทำให้มีการโยกสลับโปรแกรมจนอัดแน่นเต็มไปหมดจึงมีการปรับเปลี่ยนมาเหลือแข่งนัดเดียวรู้ผล ซึ่งนี่คือก็เหมือนกับเป็นการซ้อมเล่นในรอบชิงชนะเลิศกลายๆ ของทั้งสองทีมเพราะทีมที่เข้าไปยืนรอใน เวมบลีย์ อยู่ก่อนนั้นคือทีมในระดับเดียวกันอย่าง “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ที่มี โชเซ มูรินโญ เทรนเนอร์ชาวโปรตุเกสที่ขึ้นชื่อเรื่องความเขี้ยวลากดินกุมบังเหียนอยู่