ซาลาห์จอมทำลายสถิติ เจาะ 5 ข้อ ลิเวอร์พูล เสมอ มิดทิลแลนด์

1. ซาลาห์สร้างสถิติใหม่

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เกิดมาเพื่อเป็นตำนานของ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง ล่าสุด “คิง ออฟ อียิปต์” เพิ่งจะทำลายสถิติที่ “หงส์แดง” สร้างเอาไว้ตั้งแต่ปี 2017 โดยฝีเท้าของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีม ในการทำประตูในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ไม่นับรวมรอบคัดเลือก) มากสุดของสโมสร

ฉะนั้นต้องยอมรับว่า อดีตดาวเตะ “หมาป่าเหลืองแดง” โรม่า และ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เกิดมาเพื่อสร้างสถิติใหม่ๆ ให้กับ “เดอะ เร้ดส์ จริงๆ ที่สำคัญหาก ซาลาห์ อยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ต่อไป แน่นอนว่าเขาคงจะทำลายสถิติต่างๆให้กับทีมได้อีกแน่นอน

2. โอกาสดาวรุ่งเฉิดฉายบนสังเวียนผืนหญ้า

เริ่มตั้งแต่นายทวารที่เป็นหน้าที่ของ ควีวีน เคลเลเฮอร์ ซึ่งเจ้าตัวโชว์ฟอร์มสุดประทับใจในครึ่งแรกจากการเซฟลูกยิงของ อาเวอร์ มาบิล และทำให้ “หงส์แดง” ยังคงรักษาสกอร์นำ 1-0 ในช่วงครึ่งแรกเอาไว้ได้ ฉะนั้นนายทวารรายนี้ คงได้รับความไว้วางใจจาก คล็อปป์ มากยิ่งขึ้น

ในขณะที่ บิลลี่ คูเมติโอ มีโอกาสได้ลงสนามเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งหลัง แทนที่ ฟาบินโญ่ และส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุด (18 ปี กับ 25 วัน) ในประวัติศาสตร์ของสโมสร ที่ได้สัมผัสเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ ยูโรเปี้ยน คัพ

3. แบ็กขวาตำแหน่งที่คล็อปป์ต้องคิดหนัก

แม้ว่า คล็อปป์ จะให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมนี้ พร้อมกับรับหน้าที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมด้วย แต่ดูเหมือนว่าฟอร์มการเล่นที่สุดยอดของเขายังไม่กลับคืนมา นับตั้งแต่ที่หายจากอาการบาดเจ็บบริเวณน่อง

ฟูลแบ็กเลือดผู้ดี วัย 22 ปี มักจะเปิดบอลได้อย่างแม่นยำเข้าไปในกรอบเขตโทษ โดยลูกเปิดของเขามักจะสร้างปัญหาให้กับผู้รักษาประตูและแนวรับคู่แข่งเป็นประจำ แต่สำหรับเกมเยือน มิดทิลแลนด์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่ “เดอะ ค็อป” คุ้นเคยไม่มีให้เห็นเลย

4. พลาดโอกาสสำคัญในการเก็บชัยทั้งสองทีม

โอริกี้ ต้องบอกเลยว่าแทบไม่สร้างประโยชน์อะไรมากนัก โดยเฉพาะในการหาจังหวะทำประตู สำหรับ ดีโอโก้ โชต้า แม้ในแมตช์นี้จะไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้ก็ตาม แต่เขาก็มีโอกาสในการยิงประตูเช่นกันเพียงแต่ไม่ค่อยเฉียบคมเหมือนช่วงหลายๆ เกมที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกัน มิดทิลแลนด์ ก็ทำผลงานได้ดุดันในครึ่งหลัง และสามารถเปิดเกมบุกใส่แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ได้ดี แต่สิ่งที่ขาดไปก็คือความเฉียบคมในการจบสกอร์ และการถูกปฏิเสธประตูจากวีเออาร์ เช่นเดียวกันที่ “เดอะ เร้ดส์” ต้องเจอในแมตช์นี้

5. ได้เวลามีสมาธิกับการแข่งขันภายในอังกฤษ

สำหรบตอนนี้การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก จบสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดย ลิเวอร์พูล จะเจอกันทีมไหนก็ต้องรอลุ้นผลการจับสลากในวันจันทร์ที่ 14 ธันวามคมนี้ และกว่าที่พวกเขาจะกลับมาลงสนามด้วยใบโตยุโรป ก็ต้องรอถึงช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

ตอนนี้ได้เวลาที่ คล็อปป์ จะติวเข้มลูกทีมเพื่อมีสมาธิกับการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยแมตช์แรกหลังจบรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาต้องพบกับ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม ในวันอาทิตย์ที่ 13 ธ.ค. และงานนี้กุนซือเลือดด๊อยท์ช จะได้กลับมาใช้แข้งหลักได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง

ติดตามและไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวของ ข่าวบอล

ข่าวบอลน่าสนใจ