1. โอกาสติดท็อปโฟร์เริ่มเลือนลาง
แม้จะเพิ่งคว่าถ้วยแชมเปี้ยนลีกมาหมาดๆเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ตอนนี้ ลิเวอร์พูล กำลังค่อยๆเขยิบออกจากตำแหน่งท็อปโฟร์ทีละนิดๆจากการเป็นหนึ่งในตัวเต็งลุ้นแชมป์ตอนต้นฤดูกาลด้วยซ้ำ ชัยชนะของ เอฟเวอร์ตัน ทำให้พวกเขามีแต้มเท่ากับ ลิเวอร์พูล โดยยังแข่งน้อยกว่าอีก 1 นัด อันดับ 1-3 ดูจะถูกจองเอาไว้แล้วโดย 3 ทีมที่สม่ำเสมอพอสมควรอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด, ซิตี้ และ เลสเตอร์ ในขณะที่อันดับ 4 กำลังถูกยื้อแย้งโดยทั้ง เชลซี, ลิเวอร์พูล, เอฟเวอร์ตัน, แอสตัน วิลลา, สเปอร์ส หรือกระทั่ง เวสต์แฮม ที่เป็นเซอร์ไพรส์ประจำซีซั่นเลยก็ว่าได้
2. แอนฟิลด์หมดความขลัง
68 เกมที่ไม่แพ้ใครในบ้านสู่การพ่ายถึง 4 นัดซ้อนใน แอนฟิลด์ หากใครบอกว่าไม่น่าเป็นห่วงคงเสียสติไปแล้ว อย่างไรก็ดี ลิเวอร์พูล มีโอกาสหยุดสถิติสุดบู่เพราะเกมหน้าพวกเขาจะได้เปิดบ้านเจอบ๊วยอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และหาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังกู้ส ถานการณ์ไม่ได้อีกล่ะก็แฟนๆคงต้องเริ่มตั้งคำถามกันได้บ้างแล้ว
3. เจ็บเพิ่มอีกราย
กัปตัน เฮนเดอร์สัน กลายมาเป็นกองหลัง(จำเป็น)ของ ลิเวอร์พูล คนล่าสุดที่ต้องมาพบกับอาการบาดเจ็บในซีซั่นนี้ตามรอย ฟาบินโญ ไปติดๆ ทำให้ในตอนนี้ตัวเลือกของ คล๊อปป์ เหลือเพียงแต่ดาวรุ่งและผู้เล่นหน้สใหม่ให้ใช้งานเท่านั้นเอง
4. ฟอร์มของ คาบัค
โอซาน คาบัค เดบิวต์ได้อย่างย่ำแย่ในอาทิตย์ก่อนและดูจะเล่นได้ดีขึ้นเล็กน้อยในเกมกลางสัปดาห์กับ ไลป์ซิก สำหรับนัดนี้กองหลังดาวรุ่งชาว ตุรกี ก็กลับมาสู่ฟอร์มเดิมในเกมแรกอีกครั้งด้วยการพลาดท่าเสียประตูตั้งแต่ต้นเกม แถมโดนใบเหลืองตั้งแต่ 45 นาทีแรกที่ได้มาจากการทำฟาวล์แบบไร้เชิงสุดๆ นอกจากนี้มันเท่ากับว่าเขาโดนใบเหลืองทุกเกมที่ลงสนามรับใช้ หงส์แดง เลยซึ่งดูจะขัดกับคำนิยามของเขาในก่อนหน้านี้ว่าเป็นผู้เล่นที่ ‘นิ่งและสุขุม’ จริงๆ
