1. เร้ดบูล ซัลซ์บวร์ก – แอตเลติโก้ มาดริด (กลุ่ม เอ)
กลุ่มนี้ บาเยิร์น มิวนิค ลอยลำเข้ารอบไปก่อนเพื่อน ๆ ด้วยการลงเล่น 5 นัดมี 13 คะแนนทิ้งให้ แอตเลติโก้ มาดริด ที่มี 6 คะแนนต้องมาลุ้นในเกมสุดท้ายกับ เร้ดบูล ซัลซ์บวร์ก ซึ่งก็พอจะมีหวังจากการมี 4 แต้มและได้เล่นในบ้าน แต่ก็ใช่ว่าจะได้เปรียบเสียทีเดียวเพราะสถิติในถิ่นของพวกเขานั้นหนักไปทางย่ำแย่ ยังไม่ชนะใครเลยในรอบแบ่งกลุ่ม โดน โลโคโมทิฟ มอสโก บุกมายิง 1-3 และพ่าย เสือใต้ แบบหมดรูป 2-6
2. อินเตอร์ มิลาน – ชัคตาร์ โดเน็ตส์ (กลุ่ม บี)
อินเตอร์ ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ต้องดิ้นรนอย่างหนักในการเข้ารอบน็อคเอ้าท์จากการมีแค่ 5 คะแนนจาก 5 นัด อมบ๊วยอยู่ท้ายตาราง แม้ว่าจะประเดิมด้วยการเอาชนะ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ในเกมเยือน แต่หลังจากนั้นอีก 4 เกมก็ไม่ชนะใครเลยเก็บเพิ่มได้เพียง 2 คะแนนเท่านั้น
งูใหญ่ ต้องการชัยชนะและต้องไปลุ้นให้ กลัดบัค เอาชนะ เรอัล มาดริด ให้ได้ พวกเขาจึงจะได้เขารอบ 16 ทีมสุดท้าย
3. เรอัล มาดริด – โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค (กลุ่ม บี)
อีกคู่ในกลุ่ม บี ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เกมชี้ชะตาของ เรอัล มาดริด ซึ่งมี 7 คะแนนจาก 5 นัดเท่านั้น แต่รวมถึงยังเป็นการตัดสินอนาคตของ ซีเนดีน ซีดาน ด้วย เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ทีมของ ซิซู ต้องการ 3 แต้มเน้น ๆ
โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค สถานการณ์ดูง่ายกว่าเพราะพวกเขาขอเพียงแต้มเดียวในเกมนี้ก็จะเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ได้สำเร็จ
4. อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม- อตาลันต้า (กลุ่ม ดี)
จากความพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล ในเกมล่าสุดทำให้ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มีเพียง 7 คะแนนจาก 5 นัด แต่พวกเขาก็ยังพอได้หายใจหายคอจากผลอีกคู่ที่ มิดทิลแลนด์ ทำเซอร์ไพรส์บุกไปเสมอ อตาลันต้า ได้ถึงแบร์กาโมส่งผลให้ทั้งสองทีมต้องมาลุ้นเข้ารอบในเกมสุดท้าย
5. อาร์เบ ไลป์ซิก – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (กลุ่ม เอช)
เป็นกลุ่มที่สูสีที่สุดในรอบแบ่งกลุ่มเพราะทั้ง ปารีส แซง-แชร์กแมง, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ไลป์ซิก ต่างมี 9 คะแนนเท่ากันจากการลงสนาม 5 นัด ซึ่งงานหนักตกมาอยู่ที่ทีมจากเยอรมนีที่ต้องลุ้นหลายต่อหากไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนได้
ส่วนทีม ปีศาจแดง นั้นไม่ต้องลุ้นอะไรมากขอแค่ไม่แพ้ในเกมนี้พวกเขาก็จะเข้ารอบน็อคเอ้าท์โดยทันทีเนื่องจากเฮดทูเฮดดีกว่ารองจ่าฝูง บุนเดสลีกา จากการที่เคยเอาชนะมาได้ 5-0 ในเกม