1. แมนฯ ซิตี้ ไม่ดุดันเหมือนปีก่อน
90 นาทีในเกมวันนี้แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเป็นฝ่ายครองบอลและหาโอกาสยิงได้มากกว่าตามฟอร์ม แต่ก็เห็นได้ชัดถึงความแข็งแกร่งดุดันที่ลดน้อยลงไปจากฤดูกาลก่อนชัดเจน
เป๊ป กวาร์ดิโอลา จะมีไม้เด็ดมาเรียกความขลังของทีมกลับมาได้หรือไม่ หรือไม่แน่ว่านายใหญ่ชาวสเปนอาจจะจงใจออมมือลองแผนลองผู้เล่นแล้วค่อยปล่อย
2. คล็อปป์ กับแชมป์ทุกรายการในอังกฤษ
เยอร์เก้น คล็อปป์ สามารถคว้าแชมป์ทุกรายการที่มีในอังกฤษมาครองได้อย่างสมบูรณ์แบบ แถมยังเป็นการพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีจากที่เคยทำได้ครั้งหลังสุดในยุคของ ราฟา เบนิเตซ เมื่อปี 2006
หงส์แดง เป็นสโมสรที่เคยชูถ้วยใบนี้มากที่สุดเป็นอันดับสองเทียบเท่ากับ อาร์เซนอล ที่ 16 สมัยเป็นรองเพียง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำไว้มากถึง 21 สมัยด้วยกัน
3. เดอะแบกยังเป็นหน้าเดิม
ก่อนเกมวันนี้หลายคนคงจะจับตาดูผลงานของนักเตะหน้าใหม่ที่ทั้งสองสโมสรทุ่มเงินคว้าตัวเข้ามาร่วมทีมในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าสุดท้ายแกนหลักของทั้งสองทีมก็ยังเป็นซุเปอร์สตาร์หน้าเดิมอย่าง โม ซาลาห์ ที่วันนี้ยิง 1 จ่าย 1
4. สองสตาร์หน้าใหม่ยังต้องจูนอีกมาก
ไฮไลท์สำคัญในเกมนี้ที่หลายคนเฝ้ารอคงหนีไม่พ้นการดูฟอร์มของสองหัวหอกซุเปอร์สตาร์ทั้ง เออร์ลิง ฮาแลนด์ และ ดาร์วิน นูนเญซ แบบชัด ๆ
ตลอด 90 นาทีที่อยู่ในสนาม บทบาทกับทีมค่อนข้างน้อย แถมพอมีโอกาสก็ยังทำได้ไม่ดีพอ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งการหาช่องการเคลื่อนที่ยังดูสับสนชัดเจน
5. ของจริงสุดสัปดาห์หน้า
อีกหนึ่งสัปดาห์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ จะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งปีนี้จะลงประเดิมสนามตั้งแต่คืนวันศุกร์เลยทีเดียว โดยทั้งสองทีมจะมีโปรแกรมลงแข่งคนละวัน ลิเวอร์พูล จะได้เล่นก่อนตั้งแต่เย็นวันเสาร์เวลา 18.30 น.