1. ความเป็นไปของเกม
แมตช์ที่ แอนฟิลด์ เริ่มต้นอย่างดุเดือดเมื่อทั้ง 2 ทีมต่างใช้จุดเด่นที่เกมรุกของตนเองเปิดเกมรุกเข้าใส่ฝั่งตรงข้ามอย่างที่ไม่จำเป็นต้องใช้เวลารอให้เครื่องร้อนแต่อย่างใด
หงส์แดง เป็นฝ่ายออกสตาร์ทครองบอลได้มากกว่าแต่โอกาสของพวกเขาไม่ได้เป็นช็อตที่ถนัดถนี่นัก ขณะที่ สิงห์บลู ใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของ โรเมลู ลูกากู สร้างสรรค์โอกาสให้กับทีมได้ต่อเนื่องกระทั่งทีมเยือนมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากการโหม่งลูกเตะมุมของ ไค ฮาแวร์ตซ์
2. ลูกากู ทีเด็ด สิงโตน้ำเงินคราม
นับเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกันที่ โรเมลู ลูกากู แสดงให้เห็นได้ในทันทีว่าเขาสามารถสร้างความแตกต่างที่แดนหน้าให้กับ เชลซี ได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับการที่พวกเขาเคยใช้งาน ติโม แวร์เนอร์ มาในช่วงก่อนหน้านี้
ความแข็งแกร่งของศูนย์หน้าทีมชาติ เบลเยียม ทำให้ทีมของ โธมัส ทูเคิล พักบอลที่แดนหน้าได้ต่อเนื่อง ความคล่องตัวของ ลูกากู ยังถูกแสดงให้เห็นจากหลายครั้งที่เขาสปรินต์ทะยานเข้าพื้นที่อันตรายเพื่อจบสกอร์
3. จุดเปลี่ยนใบแดงของ เจมส์ ท้ายครึ่งแรก
โมเมนตัมของเกมสวิงไปอยู่ที่เจ้าบ้านฝ่ายเดียวเมื่อ รีซ เจมส์ ได้รับใบแดงโดยตรงจากการพิจารณา วีเออาร์ ของผู้ตัดสินที่มองว่าแข้งวัย 21 ปีเจตนาทำแฮนด์บอลที่บนเส้นประตู
โดยที่ครึ่งหลัง หงส์แดง สามารถสร้างโอกาสยิงได้มากถึง 14 ครั้ง (เข้ากรอบ 6 ครั้ง) ขณะที่ สิงห์บลู ได้สับไกยิงเพียง 2 ครั้ง (เข้ากรอบ 1 ครั้ง) เท่านั้น
4. ยกนิ้วแนวรับ เชลซี
แม้ว่าทีมของ โธมัส ทูเคิล จะถูกกดดันแทบจะทั้ง 45 นาทีหลัง แต่บรรดาแนวรับของพวกเขารวมใจกันป้องกันเกมรุกของเจ้าถิ่นได้อย่างยอดเยี่ยม เกมริมเส้นของ เร้ดแมชีน ที่เคยเป็นจุดเด่นไม่ได้ทำอันตรายให้กับทีมเยือนอย่างที่ควรจะเป็น รูปแบบการเล่น 3 เซ็นเตอร์แบ็คโดยมีวิงแบ็คสอดซ้อนในเกมรับยิ่งที่ให้แผงป้องกันของ สิงโตน้ำเงินคราม เหนียวแน่นขึ้นไปอีกขั้น
5. ฟิร์มิโน เล่นไม่ออก
โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน ได้รับความไว้วางใจจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้ออกสตาร์ทตัวจริงเป็นนัดแรกของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้แม้ว่า ดิโอโก้ โชต้า จะฟอร์มฮ็อตพัง 2 ประตูจาก 2 เกมที่ผ่านมาก็ตาม
แต่กลายเป็นว่าหัวหอกทีมชาติ บราซิล แทบไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมนักที่แดนหน้า กระทั่งอาการบาดเจ็บทำให้เจ้าตัวต้องออกจากสนามตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก ขณะที่ความกระตือรือล้นของ โชต้า ก็ทำให้เกมรุกของ ลิเวอร์พูล ดูคึกคักกว่าเดิมไปอีกขั้น