1. ความเป็นไปของเกม
ลิเวอร์พูล ที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ใช้งาน ควีวิน เคลเลเออร์ ปักหลักในบทบาทผู้รักษาประตูแทนที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ซึ่งมีอาการป่วย ขณะที่ เซอร์ดาน ชากิรี ประจำการที่ริมเส้นฝั่งซ้ายแทนที่ ซาดิโอ มาเน ที่ยังไม่เต็มถัง
หงส์แดง เป็นฝ่ายครอบครองบอลเหนือกว่าพลพรรค นกนางนวล ได้อย่างชัดเจนทว่าพวกเขากลับไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสอย่างถนัดถนี่ได้เลย ลูกทีมของ คล็อปป์ ใช้เวลามากกว่า 70 นาทีกว่าที่จะได้สับไกยิงตรงกรอบเป็นครั้งแรกของเกม
2. การตัดสินใจที่เชื่องช้าของ คล็อปป์
น่าแปลกใจที่แม้ หงส์แดง จะมีเกมรุกในแบบไร้จินตนาการตลอดทั้งครึ่งแรกแต่ คล็อปป์ เลือกที่จะใช้เวลาจนถึงนาทีที่ 64 หลังเสียประตูไปแล้วกว่าที่จะตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้เล่น (ดิว็อค โอริกี กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน แทนที่ เซอร์ดาน ชากิรี และ จินี ไวนัลดุม)
โดยที่ทั้ง 2 แข้งดังกล่าวไม่สามารถจุดประกายสร้างความเปลี่ยนแปลงในเกมรุกได้ เช่นเดียวกับ เคอร์ติส โจนส์ ที่ลงสนามแทน โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน ในช่วงท้าย
3. เมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ และ ติอาโก้ อัลคันทารา กลายเป็นจุดอ่อน
แม้ 3 แดนกลางของ ลิเวอร์พูล ทั้ง จินี ไวนัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์ และ ติอาโก้ อัลคันทารา จะเป็นผู้เล่นชุดเดิมจากเกมที่พวกเขาเพิ่งเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-1 ในกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมไปถึงแมตช์บุกเข่น สเปอร์ส 3-1 สุดสัปดาห์ก่อน แต่เมื่อลูกทีมของ คล็อปป์ ต้องเจอกับทีมที่ตั้งรับลึก แพ็คเกมแน่นอย่างมีวินัยและไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็นก็ทำให้ทั้ง มิลเนอร์ และ ติอาโก้ กลายเป็นจุดบอดของทีม
4. แดน เบิร์น อาวุธลับ ไบรท์ตัน สตั๊นเจ้าหนู เทรนท์
แดน เบิร์น วิงแบ็คฝั่งซ้ายเจ้าของความสูง 2.01 เมตรของ ไบรท์ตัน แสดงสัญญาณตั้งแต่ครึ่งแรกว่าเขาสามารถสร้างปัญหาให้กับแนวรับเจ้าถิ่นได้จากความสูงชะลูดของเจ้าตัวทั้งบอลจากการวางยาวริมเส้นและลูกตั้งเตะแนวลึกที่มีเขาเป็นเป้าหมาย
กระทั่งท้ายที่สุด ลูกวางยาวจากริมเส้นของทีมเยือนก็แผลงฤทธิ์เมื่อการโหม่งชงของ เบิร์น กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการได้ประตูชัย
5. จากการเบียดบี้กดดันกลายเป็นแมตช์ลดช่องว่าง
ผลจากความพ่ายแพ้ในเกมนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล หล่นไปอยู่ในอันดับที่ 4 บนตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 7 คะแนนทั้งที่ หงส์แดง แข้งน้อยกว่า 1 นัดโดยมีโปรแกรมกับ เรือใบสีฟ้า ที่ แอนฟิลด์ รออยู่ในสุดสัปดาห์นี้